(FWA 2025/11/11)กระทรวงแรงงานไต้หวัน (MOL) ขอเตือนนายจ้างว่า หากจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงานเนื่องจากเหตุผลต่างๆ เช่น การปิดกิจการ, การขาดทุน, การปรับโครงสร้างองค์กร, หรือกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากประสบอันตรายจากการทำงาน นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชย และต้องจ่ายภายใน 30 วันหลังจากสิ้นสุดสัญญาจ้าง หากไม่จ่ายภายในกำหนดเวลา จะมีโทษปรับตั้งแต่ 300,000 ถึง 1,500,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่
ปีที่แล้วมีการละเมิด 70 กรณี ถูกปรับรวม 18.05 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
ตามสถิติของกระทรวงแรงงาน ในปี 2024 มีการละเมิดกฎหมาย 70 กรณี คิดเป็นค่าปรับรวม 18.05 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ และในปี 2025 จนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน พบการละเมิดแล้ว 54 กรณี ค่าปรับรวม 13.55 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่
เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานอธิบายว่า ระบบบำเหน็จบำนาญแรงงานใหม่ (Labor Pension Act) ซึ่งเริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2005 ได้บังคับใช้มาครบ 20 ปีแล้วในปีนี้ (2025) ตามมาตรา 12 ของกฎหมายบำเหน็จบำนาญแรงงาน (ระบบใหม่) มาตรฐานการจ่ายค่าชดเชยสำหรับลูกจ้างในระบบนี้ คำนวณตามอายุงาน โดยทุก 1 ปีเต็มของอายุงาน จะได้รับค่าจ้างเฉลี่ยครึ่งเดือน หากทำงานไม่เต็มปี จะคำนวณตามสัดส่วน โดยจำกัดการจ่ายค่าชดเชยสูงสุดไม่เกิน 6 เดือนของค่าจ้างเฉลี่ย
หากนายจ้างไม่จ่ายตามมาตรฐานหรือภายในกำหนดเวลา ตามมาตรา 45-1 ของกฎหมายฉบับเดียวกัน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 300,000 ถึง 1,500,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ และจะถูกสั่งให้จ่ายเงินภายในเวลาที่กำหนดใหม่ หากยังคงไม่ปฏิบัติตาม จะถูกลงโทษซ้ำ
ถูกปรับเพราะจ่ายค่าชดเชยขาด กระทรวงแรงงานมีเครื่องมือคำนวณให้
รูปแบบการกระทำผิดที่พบบ่อยของนายจ้าง ได้แก่: ไม่จ่ายค่าชดเชยภายใน 30 วันหลังสิ้นสุดสัญญาจ้าง, ไม่จ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างในช่วงทดลองงานที่ถูกเลิกจ้างก่อนกำหนด, และการจ่ายค่าชดเชยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด มีกรณีที่บริษัทหนึ่งควรจ่ายค่าชดเชย 4,053 ดอลลาร์ แต่กลับจ่ายเพียง 4,000 ดอลลาร์ถ้วน กรณีเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกปรับตั้งแต่ 300,000 ถึง 1,500,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่
เพื่อช่วยในการคำนวณ กระทรวงแรงงานได้จัดทำเครื่องมือคำนวณค่าชดเชย (https://calcr2.mol.gov.tw/SeverancePay) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้งาน



