(FWA 2025/12/17)คุณคิดว่าการขายบัญชีธนาคารให้คนอื่นเป็นเงินที่ได้มาง่ายๆ หรือไม่? คุณคิดว่าการให้คนอื่นยืมบัญชีธนาคารจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? บัญชีของคุณอาจถูกแก๊ง ฉ้อโกง ใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม โปรดทราบว่าไต้หวันกำลังแก้ไขกฎหมาย ในอนาคต เกณฑ์สำหรับ การลดโทษ สำหรับคดีฉ้อโกง แม้ว่าจะมอบตัวหรือรับสารภาพ จะถูกปรับให้สูงขึ้น หากมีการยุยงหรือใช้ ชาวต่างชาติ เพื่อทำการฉ้อโกง ความรับผิดทางอาญาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย การขายบัญชีเพื่อเงินด่วน ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่คิด

คณะกรรมาธิการกิจการภายในของสภานิติบัญญัติได้ผ่านร่างแก้ไข “กฎหมายป้องกันอันตรายจากอาชญากรรมการฉ้อโกง” (เรียกย่อๆ ว่า กฎหมายป้องกันการฉ้อโกง) ในวาระแรกเมื่อวันที่ 17 จุดเน้นของการแก้ไขครั้งนี้คือการปราบปรามแก๊งต้มตุ๋นที่แสวงหาผลประโยชน์จากกลุ่มเปราะบาง ในอนาคต หากมีการยุยงหรือใช้ ชาวต่างชาติ เพื่อทำการฉ้อโกง จะต้องเผชิญกับโทษทางอาญาที่หนักขึ้น นอกจากนี้ เงื่อนไข การลดโทษ สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องยังเข้มงวดขึ้น แม้ว่าผลกำไรจากการก่ออาชญากรรมจะต่ำมากหรือไม่มีเลย ผู้กระทำความผิดยังคงต้องจ่าย “เต็มจำนวน” เพื่อบรรลุ การยอมความ กับเหยื่อภายใน 6 เดือนนับจากการมอบตัวหรือรับสารภาพครั้งแรก และต้องจ่ายเงินยอมความให้ครบถ้วน จึงจะมีโอกาสได้รับการลดโทษ การส่งมอบเพียงผลกำไรจากการก่ออาชญากรรมจะไม่สามารถนำมาใช้เพื่อลดหย่อนโทษได้อีกต่อไป

เพิ่มความรับผิดทางอาญาสำหรับการใช้ชาวต่างชาติในการก่ออาชญากรรม

เนื่องจากแก๊งต้มตุ๋นมักพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนที่ไม่คุ้นเคยกับกฎหมายไต้หวันเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม มาตรา 44 ของร่างแก้ไขจึงได้เพิ่มบทบัญญัติโดยเฉพาะ: ผู้ที่ยุยงหรือใช้ผู้เยาว์ บุคคลที่มีอายุมากกว่า 80 ปี หรือ ชาวต่างชาติ เพื่อกระทำการฉ้อโกง จะต้องระวางโทษหนักขึ้นกึ่งหนึ่ง

เกณฑ์การลดโทษสูงขึ้น: ต้องชดเชยให้เหยื่อภายใน 6 เดือน

ในอดีต หลังจากผู้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงมอบตัวหรือรับสารภาพ พวกเขาสามารถได้รับการลดโทษเพียงแค่ส่งมอบผลกำไรที่แท้จริงจากการก่ออาชญากรรม แต่เหยื่อกลับไม่มีทางได้รับชดเชยความสูญเสียมหาศาล เพื่อให้มีการชดเชยความเสียหายแก่เหยื่อ กฎหมายใหม่ได้แก้ไขมาตรา 46 และ 47 โดยกำหนดว่าผู้กระทำความผิดต้องจ่าย “เต็มจำนวน” เพื่อบรรลุการไกล่เกลี่ยหรือการยอมความกับเหยื่อภายใน “6 เดือน” นับจากวันที่มอบตัวหรือรับสารภาพครั้งแรกในระหว่างการสอบสวน จึงจะมีช่องทางสำหรับการลดโทษ

สัดส่วนของชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับคดีเพิ่มสูงขึ้น

ตามข้อมูลสถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวนผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติที่ก่ออาชญากรรมในไต้หวันเกือบ 8,300 คนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีผู้เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงกว่า 3,000 คน (36.3%) ในขณะที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับคดีที่ ชาวต่างชาติ ขายบัญชีการเงินเพื่อเป็นเครื่องมือให้กับแก๊งต้มตุ๋น กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่คือ “แรงงานข้ามชาติที่ถูกกฎหมาย” ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ในขณะที่ “แรงงานข้ามชาติที่ขาดการติดต่อ (หลบหนี)” และ “นักเรียนต่างชาติ” มีสัดส่วนน้อยกว่า 20% ทั้งคู่

ในทางปฏิบัติ แรงงานข้ามชาติมักเข้าไปพัวพันกับคดีฉ้อโกงเนื่องจากการขายหรือให้ผู้อื่นใช้บัญชี ซึ่งถูกแก๊งต้มตุ๋นนำไปใช้ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกง นอกเหนือจากความเสี่ยงที่จะต้องติดคุกและไม่สามารถกลับบ้านได้หากถูกตัดสินลงโทษ บัญชีจะถูกอายัด ทำให้การกู้ยืมเงินหรือสมัครบัตรเครดิตในอนาคตยากขึ้น การมีประวัติอาชญากรรมหลังจากการตัดสินลงโทษอาจนำไปสู่การเนรเทศและไม่สามารถกลับมาทำงานที่ไต้หวันได้อีก